ประเทศไทยมีผลผลิตน้ำมันปาล์มสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก และผลผลิตที่ได้จากการแปรรูปเป็นน้ำมันปาล์มดิบสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างกว้างขวาง เป็นส่วนประกอบสำคัญของผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมอื่นๆ อีกมากมาย ที่เราทุกคนต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบจึงมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างมาก และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การรับช่วงต่อในธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนาน ถือว่าเป็นบทพิสูจน์ที่ยิ่งใหญ่แล้ว แต่เขายังมีภารกิจในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกด้วย
นายสิทธิภาส อุดมผลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียนน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) หรือ APO ทายาทรุ่นที่ 3 ในการรับไม้ต่อธุรกิจสกัดน้ำมันปาล์มดิบ ที่เริ่มก่อตั้งในปี 2526 โดยครอบครัวอุดมผลกุล ซึ่งมีนายเด่นพงษ์ และนายนิพนธ์ อุดมผลกุล ผู้เป็นอากง และคุณพ่อ ร่วมดำเนินธุรกิจโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบ ที่ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ โดยธุรกิจได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากว่า 40 ปี
เส้นทางก่อนที่จะเข้ารับช่วงต่อธุรกิจนั้น สิทธิภาสมีโอกาสเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และนำมาต่อยอดธุรกิจได้เป็นอย่างดีโดยเขาจบการศึกษา สาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากนั้น มีโอกาสเริ่มต้นฝึกปฏิบัติงาน ในบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ในตำแหน่ง Fronted Developerซึ่งเป็นโอกาสแรกที่ได้เริ่มต้นการทำงานอย่างจริงจัง และได้ฝึกฝนทักษะด้านการพัฒนาเว็บไซต์รวมถึงการออกแบบอินเทอร์เฟซของผู้ใช้
เมื่อทำงานได้ระยะหนึ่ง จึงตัดสินใจศึกษาต่อในระดับปริญญาโท สาขาวิชา Informatics ที่ Northeastern University ประเทศสหรัฐอเมริกา เนื่องจากมีความสนใจที่จะเสริมทักษะความรู้การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการบริหารธุรกิจ ซึ่งเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ในการสืบทอดการบริหารธุรกิจโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบของคุณพ่อ อย่างยั่งยืนต่อไป
หลังจบหลักสูตร ด้าน Informatics แล้วยังพอมีเวลาอีกสักระยะที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา จึงตัดสินใจใช้โอกาสนั้น ศึกษาความรู้เพิ่มเติมอีกในด้านเศรษฐศาสตร์และการเงิน โดยเข้าเรียนต่อในระดับปริญญาโท หลักสูตรFinancial Economics ที่ BostonUniversity ซึ่งสร้างองค์ความรู้ความเข้าใจด้านการเงินการลงทุน เปิดมุมมองด้านเศรษฐศาสตร์ในภาคธุรกิจได้มากขึ้น ต่อมาสิทธิภาส เดินทางกลับมาประเทศไทย เพื่อสมัครงาน และได้เข้าร่วมงานกับ บริษัท ABC Tech Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Telenor Group ประเทศนอร์เวย์ รับผิดชอบงานด้านการพัฒนาโปรแกรม ทำให้มีโอกาสแสดงความริเริ่มสร้างสรรค์ผลงาน เกิดทักษะและความรู้ในแนวทางการทำงานเป็นนักพัฒนาได้เป็นอย่างดี
เมื่อสะสมประสบการณ์ทำงานมาประมาณหนึ่งแล้ว จึงเห็นว่าควรต้องกลับเข้ามารับช่วงการบริหารธุรกิจของครอบครัว ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมเกษตร สกัดน้ำมันปาล์มดิบ จากผลปาล์มที่รับซื้อจากเกษตรกร ด้วยลักษณะธุรกิจการเกษตรแปรรูปที่ต้องบริหารจัดการ เชื่อมโยงกับหลากหลายภาคส่วน จึงใช้เวลาระหว่างทำงานประจำที่โรงงาน แบ่งเวลา ในวันเสาร์ และอาทิตย์ เข้าเรียนหลักสูตร รัฐประศาสนศาสตร์มหาบัณฑิต ของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ NIDA ที่ศูนย์การศึกษา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เรียนรู้ควบคู่ไปกับการบริหารงานขณะเดียวกันสามารถประยุกต์ใช้ทักษะในการวิเคราะห์แผนนโยบายการจัดการภาครัฐและเอกชน ควบคู่ไปกับการบริหารธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น ได้รู้จักเชื่อมโยงกับบุคลากรหลายภาคส่วนมากขึ้นในพื้นที่ท้องถิ่นและจังหวัดใกล้เคียง
ภายใต้การบริหารงานของเขา ได้กำหนดวางนโยบายบริษัท ในการดำเนินการสนับสนุนกลุ่มเกษตรกรชาวสวนปาล์มในพื้นที่ ภายใต้โครงการตัดสุก มีสุข ปาล์มดีมีคุณภาพ หรือ Asian Plus+ จัดอบรมถ่ายทอดองค์ความรู้ในการจัดการสวนปาล์มและการเก็บเกี่ยวผลปาล์มคุณภาพตามมาตรฐาน ได้ทั้งการเพิ่มผลผลิตและสร้างรายได้ที่มากขึ้นให้แก่เกษตรกร เป็นการส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนและเป็นความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เกิดผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนท้องถิ่นและสิ่งแวดล้อม จนปัจจุบันบริษัทมีอัตราในการสกัดน้ำมันปาล์มดิบอยู่ในอันดับต้นของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบ จากการจัดอันดับของสำนักงานพาณิชย์จังหวัดกระบี่
ปัจจุบัน บริษัทประกอบธุรกิจสกัดน้ำมันปาล์มดิบและจำหน่ายผลิตภัณฑ์หลักจากการสกัดน้ำมันปาล์มดิบและผลพลอยได้ รวมถึงผลิตพลังงานไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ เพื่อจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างธุรกิจจากผลิตภัณฑ์การเกษตรแบบบูรณาการและยั่งยืน โดยการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม ภายใต้การจัดหาวัตถุดิบและกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนทุกขั้นตอนในการดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลและนโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดี ให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ตั้งแต่ผู้ถือหุ้น กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน ตลอดจนคู่ค้า ลูกค้า คู่แข่ง รวมไปถึงการมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะชุมชนในท้องถิ่น
สิทธิภาส มีความมุ่งมั่นที่จะนำพาธุรกิจให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จในอนาคต จากการดำเนินงานของทายาทรุ่นที่ 3ซึ่งเปลี่ยนผ่านจากบริษัทครอบครัว(Family Business) สู่บริษัทมหาชนที่มีการบริหารแบบมืออาชีพและสร้างการเติบโตแบบยั่งยืน (Sustainable Growth) โดยมีเป้าหมายจะเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่อไป
จากหนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับวันที่ 21 สิงหาคม 2566