นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สนค. ได้ติดตามและทำการศึกษาเรื่องผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้งที่ส่งผลต่อการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศบริเวณคลองปานามา ซึ่งผลการศึกษาพบว่า สถานการณ์ภัยแล้งได้ส่งผลต่อการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศผ่าน 2 ประเด็นสำคัญคือ 1.การลดระดับเพดานสูงสุดของอัตรากินน้ำลึกของเรือขนส่งสินค้า ทำให้เรือต้องลดความจุของตู้คอนเทนเนอร์ในการขนส่งแต่ละเที่ยวและ 2.การเพิ่มอัตราค่าธรรมเนียมผันแปร FreshWater Surcharge ที่ดำเนินการโดยสำนักงานบริหารคลองปานามา ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศสูงขึ้น ทำให้ปัจจุบันอัตราค่าธรรมเนียมได้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 7.99% สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วอยู่ที่ 2-4%
ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา สำนักงานบริหารคลองปานามา (Panama Canal Authority) ได้ทำการปรับลดระดับเพดานสูงสุดสำหรับเรือขนาดใหญ่อย่าง Neopanamax แล้ว 9 ครั้ง โดยปัจจุบันได้ลดระดับเพดานสูงสุดมาเหลืออยู่ที่ 44.0 ฟุต หรือ 13.41 เมตร จากเดิมอยู่ที่ 50 ฟุต 15.24 เมตร เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุท้องเรือติดก้นคลองและไม่สามารถเคลื่อนที่ได้จากน้ำหนักบรรทุกที่มากเกินไปซึ่งผลของมาตรการนี้ทำให้นักวิเคราะห์ด้านโลจิสติกส์ในต่างประเทศ ประเมินว่า เรือขนส่งสินค้าจำเป็นต้องลดความจุของตู้คอนเทนเนอร์ลงประมาณ 40% และอาจต้องเพิ่มจำนวนเรือขนส่งให้มากขึ้น เพื่อกระจายน้ำหนักสินค้าในปี 2566 ปานามาประสบกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นและปริมาณน้ำฝนที่น้อยกว่าปกติ โดยหน่วยงานวิชาการในต่างประเทศได้คาดการณ์ว่า ปี 2566ปานามาจะเผชิญกับสถานการณ์ภัยแล้งที่เป็นผลพวงจากการเข้าสู่ช่วงปรากฏการณ์เอลนีโญ ตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงสิ้นปี
นายพูนพงษ์กล่าวว่า คลองปานามาเป็นคลองที่มีความสำคัญต่อการค้าโลก คิดเป็นสัดส่วน 6% ของการค้าทางทะเลโลก เป็นเส้นทางสำหรับการขนส่งสินค้ารวม 180 เส้นทางเดินเรือเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าของท่าเรือทั่วโลกกว่า 1,920 ท่าเรือใน 170 ประเทศ แต่ละปีมีเรือขนส่งสินค้าผ่านคลองปานามาประมาณ 13,000-14,000 ลำ โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับประเทศในทวีปเอเชีย ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ รวมถึงไทย ครอบคลุมตั้งแต่การขนส่งสินค้าโภคภัณฑ์ (น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน ถั่วเหลือง) สินค้าอาหาร สินค้าอุตสาหกรรม และสินค้าเทคโนโลยีขั้นสูง
สำหรับประเทศไทยใช้คลองปานามาเป็นเส้นทางการขนส่งสินค้าไปยังท่าเรือฝั่งตะวันออก (East Coast) ของสหรัฐอเมริกา โดยไทยเป็นคู่ค้าลำดับที่ 6 ของสหรัฐฯในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ที่ใช้คลองปานามาเป็นเส้นทางการขนส่งของเรือตู้คอนเทนเนอร์ มีมูลค่าการค้ารวม 17,912.2 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยสินค้าที่ไทยขนส่งไปยังท่าเรือฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ ได้แก่ ยางรถบรรทุกหรือรถบัส ส่วนประกอบของเครื่องปรับอากาศ โซลาร์เซลล์ ยางรถยนต์นั่ง และปลาทูน่าปรุงแต่ง และมีท่าเรือที่ใช้นำเข้าสินค้าจากไทย
“ในปี 2567 เศรษฐกิจโลกจะกลับมาฟื้นตัว ทำให้ความต้องการซื้อสินค้า ความต้องการใช้เรือขนส่งสินค้าและตู้คอนเทนเนอร์กลับมาเพิ่มขึ้น ท่ามกลางปรากฏการณ์เอลนีโญที่มีแนวโน้มยาวนานจนถึงปี 2567 จึงมีความเป็นไปได้ที่ค่าใช้จ่ายสำหรับการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ รวมถึงค่าระวางเรือจะปรับตัวสูงขึ้น”
จากหนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับวันที่ 18 สิงหาคม 2566