นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า กลุ่มคลัสเตอร์อุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ กลุ่มอุตสาหกรรมหัตถกรรมสร้างสรรค์ ของ ส.อ.ท. ได้ต้อนรับ นายซางจูน ลีผู้บริหารองค์กรส่งเสริมการค้าและการลงทุนจังหวัดคยองกี สาธารณรัฐเกาหลี ประจำกรุงเทพฯ (Gyeonggi Business Center Bangkok) เพื่อหารือถึงงานจัดแสดงสินค้า G-FAIR KOREA ASEAN+ 2023 ครั้งที่ 2พร้อมทั้งหารือถึงความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างกันในสาขาที่จังหวัดคยองกีมีศักยภาพ อาทิ เทคโนโลยี อิเล็กทรอนิกส์ เมืองอัจฉริยะ (Smart City) และการเกษตรสมัยใหม่ (Smart Farm) เป็นต้น และเชิญชวนผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมจัดแสดงสินค้าในงานจัดแสดงสินค้า G-FAIR ในช่วงเดือนตุลาคม ณ สาธารณรัฐเกาหลี
สำหรับภายในงานจัดแสดงสินค้า G-FAIR KOREA ASEAN+ 2023 ครั้งที่ 2 ประกอบด้วยการจัดแสดงสินค้าจากเกาหลีใต้ การเจรจาทางธุรกิจ และงานสัมมนา โดยครั้งนี้มีผู้ประกอบการเกาหลีใต้เข้าร่วมงานรวม 107 บูธ ประกอบด้วย 5 โซน ได้แก่ 1.K-Smart Factory สินค้าโรงงาน อุตสาหกรรม 2.K-Smart Cityสถาปัตย์ ออกแบบ ก่อสร้างเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอัจฉริยะ 3.K-Lifestyle สินค้าอุปโภค 4.K-Smart Health สินค้าบริโภค เทคโนโลยีทางการแพทย์ และ 5.K-Culture ความงาม สกินแคร์ เมคอัพ โดยมีกำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 6-7 กรกฎาคม 2566 ณ บางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์
นายเกรียงไกรกล่าวว่า นอกจากนี้ ส.อ.ท. ยังได้เข้าพบและหารือทูตฝ่ายการพาณิชย์ของสหภาพเมียนมา ณ สถานเอกอัครราชทูตเมียนมา ประจำประเทศไทย โดยมีการแลกเปลี่ยนทัศนะเกี่ยวกับนโยบายส่งเสริมการลงทุนของสปป.ลาว ซึ่งสปป.ลาวมีพื้นที่ติดกับทั้งไทยและเมียนมาซึ่งทั้งสองฝ่ายมีศักยภาพที่จะเชื่อมโยงเศรษฐกิจการค้าระหว่างกัน โดยเฉพาะด้านการค้าชายแดน
พร้อมกันนี้ ส.อ.ท. ได้นำเสนอประเด็นผลักดันให้รถบรรทุกขนาดใหญ่ของเมียนมา เข้ามาเปลี่ยนถ่ายสินค้าในแม่สอด เนื่องจากทางเมียนมายังคงไม่สามารถส่งรถเข้ามายังประเทศไทย ทำให้เป็นรถของฝั่งไทยต้องส่งรถไปรับสินค้าในเมียนมาฝ่ายเดียว ส่งผลให้ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนในการควบคุมต้นทุน และเพื่อให้เกิดการอำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างกัน จึงเสนอให้เปิดจุดผ่านแดนชั่วคราว
นอกจากนี้ ส.อ.ท. ยังได้มีการสอบถามการเปลี่ยนแปลงการจัดเก็บภาษีการส่งออกเมล็ดข้าวโพดจากเมียนมา เนื่องจากในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2566 การส่งออกเมล็ดข้าวโพดมาไทยลดลงถึง 58% รวมทั้งเสนอให้ยกเลิกการระงับการนำเข้าสินค้าบริโภค-อุปโภคของไทย เช่น เครื่องดื่ม สินค้ากาแฟสําเร็จรูป สบู่ ยาสีฟัน และสินค้าประเภทปูนซีเมนต์
นายเกรียงไกร กล่าวว่าเมียนมาเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมที่หลากหลายและโดดเด่น ประกอบกับมีแรงงานเมียนมาจำนวนมากอาศัยในประเทศไทย ส.อ.ท. จึงเสนอให้ร่วมมือกันเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยการสร้างสรรค์และผลิตเนื้อหาบนสื่อมีเดียในช่องทางต่างๆ เช่น โทรทัศน์และยูทูบ (YouTube) เป็นต้น เพื่อเป็นเพิ่มช่องทางการตลาดและเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น
จากหนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับวันที่ 19 มิถุนายน 2566