ชี้ช่องเจาะตลาดอี-คอมเมิร์ซสหรัฐ อาหาร-สินค้าเกี่ยวกับสุขภาพเติบโตสูง

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP)เปิดเผยว่า ได้รับข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ถึงข้อควรรู้ตลาดอี-คอมเมิร์ซสหรัฐฯ ปี 2566 และโอกาสในการขยายตลาดส่งออกสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ โดยพบว่าข้อมูลแนวโน้มตลาดอี-คอมเมิร์ซสหรัฐฯ ปี 2566จะมีผู้บริโภคชาวอเมริกันกว่า 265 ล้านคน ซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซ หรือคิดเป็นสัดส่วน 20.8% ของยอดการค้าปลีกทั้งหมดในสหรัฐฯ และคาดว่าสัดส่วนดังกล่าวจะเพิ่มเป็น23% ภายในปี 2568 และ Insider Intelligenceบริษัทให้คำปรึกษาด้านการตลาดออนไลน์ยังคาดว่ายอดขายของตลาดอี-คอมเมิร์ซ จะสูงถึง 1.14 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ โดยเทรนด์ตลาดอี-คอมเมิร์ซสหรัฐฯ ที่ผู้ประกอบการไทยควรรู้ ได้แก่ สินค้าที่คาดว่าจะมีการเติบโตมากที่สุดและมีสัดส่วนยอดขายมากที่สุด คือ เสื้อผ้าและเครื่องประดับ สัดส่วนยอดขาย 18.7% เฟอร์นิเจอร์ ของแต่งบ้าน คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 15.7% สินค้าที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ และผลิตภัณฑ์ดูแลผิว11.3% ส่วนกลุ่มที่คาดว่าจะโตมากที่สุดในช่วง 4 ปีข้างหน้า คือ สินค้าเกี่ยวข้องสุขภาพและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว จะเพิ่มขึ้นเป็น 13.3% และสินค้าอาหารและเครื่องดื่มเป็น 10.5% ในปี 2570

ขณะที่ พฤติกรรมชาวอเมริกันที่มีการสำรวจโดย ClearSale พบว่า เพศชายมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าผ่านช่องทางอี-คอมเมิร์ซมากกว่าเพศหญิง และผู้บริโภคชายอายุ 18-34 ปี กว่า 40% มีแนวโน้มซื้อสินค้าทุกประเภททางออนไลน์ แต่ผู้หญิงมีเพียง 33% ที่จะซื้อ โดยช่องทางอี-คอมเมิร์ซชั้นนำ ยังคงเป็น Amazon, Walmart, Apple และ eBay แต่หมวดหมู่เจาะจงจะได้รับความนิยมและโตมากขึ้น เช่น Carvana ซึ่งเป็นเว็บไซต์ซื้อขายออนไลน์รถยนต์มือสอง และเว็บไซต์ Chewy ซึ่งเป็นเว็บไซต์ขายสินค้าเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงทุกประเภทซึ่งด้านการซื้อขายสินค้าผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย มีชาวอเมริกันสูงถึง 96.9 ล้านคนที่ซื้อ ยอดขายปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 992 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าปี 2566 จะเพิ่มเป็น 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐ และการซื้อขายผ่านแอปพลิเคชั่นบนมือถือ เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยปี 2565 มียอดซื้อถึง 43,100 ล้านเหรียญสหรัฐคาดว่า ปี 2566 จะเพิ่มเป็น 51,100 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ โดยผลสำรวจพบว่า Amazonเป็นแอปพลิเคชั่นบนมือถือที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุดในสหรัฐฯ ตามด้วย Shein เป็นอันดับ 2 และแอปพลิเคชั่นที่เป็นที่นิยมรองลงมา ได้แก่ Walmart, Fetch Shop, Etsy, Nike และ Temu

“ตลาดอี-คอมเมิร์ซสหรัฐฯ เป็นตลาดที่กำลังเติบโตและมีศักยภาพสูงในอนาคต แม้ว่าในปัจจุบันกลุ่มสินค้าที่ผู้บริโภคนิยมซื้อผ่านทางออนไลน์ยังคงเป็นสินค้าในกลุ่มเสื้อผ้า ไลฟ์สไตล์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แต่คาดการณ์ว่าส่วนแบ่งตลาดของสินค้าอื่นๆ เช่น สินค้าสุขภาพและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว สินค้าอาหารและเครื่องดื่มจะเพิ่มขึ้น ผู้ประกอบการไทยจึงควรมองหาโอกาสในการเจาะตลาดสหรัฐฯ ผ่านช่องทางอี-คอมเมิร์ซ เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับสินค้าและอาจเพิ่มการนำเสนอและผลักดันสินค้าผ่านทางแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เพื่อแนะนำและทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักมากขึ้นในตลาดสหรัฐฯ โดยอาจเพิ่มกลยุทธ์ในการนำเสนอสินค้าที่เน้นกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ ซึ่งนับว่าเป็นกลุ่มผู้บริโภคสำคัญในการเจาะตลาดผู้บริโภคสหรัฐฯเป็นต้น”

จากหนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับวันที่ 19 พฤษภาคม 2566

Scroll to Top
Skip to content